ขออนุญาตเตือนใจทุกคน รวมถึงตัวคนเขียนเองด้วย ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดา เริ่มจากหงุดหงิดรำคาญไปจนถึงเดือดดาลเป็นไฟพลุ่งพล่านในอก จนทะลักออกมาเป็นคำพูดด่าหยาบคายหรือเฉือดเฉือนจิตใจอีกฝ่ายให้สะใจ แรงขึ้นมาก็ทำลายข้าวของหรือทำร้ายร่างกาย แล้วได้อะไรขึ้นมาล่ะ? ไม่แค่จะทำร้ายคนอื่นที่อาจเป็นคนใกล้ชิดเราเท่านั้นยังจะทำร้ายตัวเองอีกด้วย ทางการแพทย์บอกว่า ขณะโกรธ ร่างกายจะหลั่งสารอะดรีนาลินเข้าสู่เลือด มันจะกระตุ้นประสาททำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง ก่อให้เกิดหัวใจวายหรือเส้นเลือดในสมองแตกได้ นอกจากนี้คนโกรธง่ายและบ่อยพอสะสมไว้จะทำให้เกิดโรคจิตที่เรียกว่าไซโคโซมาติค (Psychosomatic Disorder) ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคทางกายตามมา เช่น เบาหวาน หัวใจ หอบหืด มะเร็ง เป็นต้น ทางศาสนาพุทธเรายังบอกไว้ว่า ไม่ว่าตอนมีชีวิตจะทำความดีอะไรมาก่อน แต่ถ้าจิตที่ดับลงขณะขุ่นมัวด้วยความโกรธ จิตจะไปเกิดใหม่ที่นรกภูมิเพราะตรงกับสภาพจิตที่เร่าร้อน
พระพยอมเคยพูดว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ปัญหาคือจะจัดการกับความโกรธอย่างไม่โง่และไม่บ้ายังไงดี ลองคิดหาวิธีดูกันเองนะ
แต่ถ้าอยากสนุกก็มีวิธีนึงให้ลองเล่นดู เริ่มจากตอนที่ยังไม่มีอารมณ์โกรธก่อน พยายามจำสภาพใจตัวเองตอนไม่โกรธว่าเบาสบายยังไง จากนั้นพอมีเรื่องหงุดหงิดมา ก็ให้ดูความแตกต่างของใจตัวเองตอนโกรธกับตอนเบาสบาย ลองสังเกตดีๆจะเห็นว่าความโกรธเดี๋ยวก็มากขึ้น เดี๋ยวก็ลดลง แต่ไม่ว่ายังไงมันจะหายไปแน่นอน ถ้าเล่นจนมีสติรู้ครบวงจรตั้งแต่ตอนความโกรธเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ก็ถือว่าเยี่ยม ถ้ารู้ครบวงจรได้ทุกครั้ง ก็ถือว่าสุดยอด ถ้าเล่นบ่อยจนจิตเบื่อหน่ายความโกรธ เห็นว่ามันไม่เป็นสาระเพราะมันก็วนอยู่แค่นี้แหล่ะ จนกระทั่งจิตปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่น ก็ถึงขั้นอมิตตพุทธ
หัวใจสำคัญของวิธีเล่นนี้ คือ ดูการเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนของสภาพจิต แต่อย่าไปวนคิดเรื่องที่ก่อให้เกิดสภาพจิตนั้น เช่น คนขับรถปาดหน้า มีความโกรธเกิดขึ้น ก็ดูการเกิดขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของความโกรธ ไม่ใช่คอยไปคิดเรื่องที่มีคนขับรถปาดหน้าซึ่งมันจบไปแล้ว มันยากและท้าทายก็ตรงนี้นี่แหล่ะเพราะใจเราเดี๋ยวๆมันก็จะวกกลับไปคิดเรื่องคนขับปาดหน้าตลอด ก็ไม่เป็นไร รู้ตัวก็กลับมาดูจิตตัวเองใหม่ ทำบ่อยๆจิตก็จะค่อยๆตั้งมั่นเป็นสัมมาสมาธิขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ จิตก็จะมีพลังทางบวกมากขึ้น
วิธีเล่นนี้ไม่ใช่แค่เล่นกับอารมณ์โกรธได้อย่างเดียว แต่เอาไปเล่นกับอารมณ์อื่นได้ด้วย เช่น ความฟุ้งซ่าน ความรำคาญ ความอยากหรือไม่อยาก ความกังวลเป็นห่วงโน่นห่วงนี่
วิธีจัดการกับความโกรธอีกวิธีหนึ่งคือ ใช้อารมณ์ตรงข้ามคือ ความเมตตา ซึ่งเป็นกระแสชุ่มช่ำด้านเย็น คนที่มีเมตตาสูงจะโกรธยากและหายง่าย ฝึกง่ายๆคือ เวลามีคนทำหรือพูดไม่ดีกับเรา หรือโกรธใส่เรา แทนที่จะโกรธใส่กลับ ก็ให้รู้สึกว่าเขาหรือเธอคนนั้นน่าสงสารแทน
ก็ลองดูกันก็แล้วกัน ความสุขหาได้ไม่ยากหรอกแค่เปลี่ยนวิธีคิด ไม่ต้องรอว่าจะมีนั่นมีนี่ก่อนถึงจะมีความสุข หรือรอให้ใครทำดั่งใจฉันก่อนถึงจะมีความสุข
Refs